ไม่รอดจากความพินาศ
เมื่อตรวจพบโรคใดๆ เรามักจะถามทันทีว่า เป็นโรคที่รักษาได้หรือไม่ แน่ยิ่งกว่านี้เมื่อพูดถึงความป่วยทางฝ่ายวิญญาณ เราจำต้องยกคำถาม เรื่องความบาปขึ้นมา บ่อยครั้งเรายอมรับว่า เราเป็นคนบาป เนื่องจากไม่อาจสันนิษฐานได้จริงๆว่า มันหมายความว่าอย่างไร เราอาจจะคิดแบบทั่วๆไปว่า มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ ที่ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ หรือเราซ่อนตัวเราไว้ในประโยคที่ว่า ”ใครๆก็ทำ” ด้วยคำแก้ตัวแบบนี้ ทำให้เราหลีกเลี่ยงคำถามที่แท้จริงไปเสียคือ “เราอยู่ในสภาพที่แย่ขนาดไหน?” คำตอบมีอยู่ในพระคัมภีร์
พระคัมภีร์บอกว่า เราเป็นคนบาปหนา
ไม่ใด้หมายความว่า เรากระทำความดีไม่ได้ แต่พระคัมภีร์บอกอย่างแน่ชัดว่า ความบาปได้เข้ามาในทุกส่วนของมนุษย์ รวมทั้งความคิด ความรู้สึก ความต้องการ ความสำนึก อารมณ์ และจินตนาการของเรา จิตใจก็เป็นตัวล่อลวงเหนือกว่าสิ่งใดทั้งหมด มันเสื่อมทรามอย่างร้ายทีเดียวผู้ใดจะรู้จักใจนั้นเล่า (เยเรมีย์ 17.9) ต้นปัญหาไม่ใช่อยู่ในความคิดที่ว่าถ้าเราได้กระทำสิ่งนู้นสิ่งนี้ลงไปไม่ว่าในกรณีใดๆ เราอาจได้รับการยกโทษ ปัญหาหลักคือความเป็นมนุษย์ของเรา มนุษย์ทำบาปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะว่าธรรมชาติของมนุษย์ เรามักหลอกลวงตัวเราเอง เพราะที่ออกมาจากใจคนเราคือ ความคิดชั่วร้าย การผิดศิลธรรมทางเพส การลักขโมย การฆ่าคน การล่วงประเวณี ความโลภ การมุ่งร้าย การล่อลวง ราคะตัณหา อิจฉาตาร้อน การนินทาว่าร้าย ความเย่อหยิ่งจองหอง ความโฉดเขลา (มาระโก 7.21-22)
ในสายพระเนตรของพระเจ้าความบาปทุกอย่างชั่วร้าย
ให้เราสังเกดดูว่า พระธรรมข้างบนนี้ ได้เน้นถึงความคิด คำพูดและการกระทำจากส่วนต่างๆในชีวิตของเรา บางครั้งเราคิดจำกัดว่าบาปร้ายแรงคือการฆ่าคนหรือการลักขโมยเท่านั้น แต่พระคัมภีร์ไม่อนุญาตให้เรามีความเข้าใจเรื่องความบาปอย่างจำกัดเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ตอบสนองมาตรฐานเด็ดขาดของพระเจ้า หรือไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการพูด การกระทำหรือการคิด เป็นความบาปทั้งนั้น ขอถามจริงๆเถอะว่า ใครจะยืนยันได้ว่า “ข้าพเจ้าได้กระทำใจของข้าพเจ้าให้สะอาดแล้ว ข้าพเจ้าบริสุทธิ์พ้นบาปของข้าพเจ้า” (สุภาษิต 20.9) คุณสามารถพูดอย่างนี้ได้หรือ?
ความบาปคือ การกบฏต่อการครอบครองและกฏบัญญัติของพระเจ้า
ผู้ที่กระทำบาปก็ประพฤติผิดธรรมบัญญัติ บาปเป็นสิ่งที่ผิดธรรมบัญญัติ (1 ยอห์น 3.4) ไม่มีกฏหมายสักข้อที่บังคับให้เราโกหก คดโกง มีความคิดสกปรก หรือทำบาปอื่นใด มันเป็นการตัดสินใจของเราเองที่จะทำสิ่งเหล่านี้ ถ้าเราข้ามกฏระเบียบของพระเจ้า และตั้งใจที่จะไม่เชื่อฟังพระองค์ มันก็เป็นความบาปที่ร้ายแรง เพราะพระเจ้าไม่ยอมปล่อยให้มันผ่านไปอย่างง่ายดาย พระเจ้าทรงเป็นผู้พิพากษาที่ชอบธรรม (สดุดี 7.11) พระเจ้าจะไม่มองข้ามความบาป แน่ใจได้เลยว่า ไม่มีบาปใดที่จะไม่มีการลงโทษ เป็นบางครั้งที่พระเจ้าให้เราได้รับโทษแห่งความผิดบาปอย่างทันหูทันตาคือในชีวิตนี้ แต่การลงโทษเด็ดขาดที่จะมาภายหลังความตายคือ ในวันพิพากษา ฉะนั้นเราทุกคนจะต้องทูลเรื่องราวของตัวเองต่อพระเจ้า (โรม 14.12)
ท่านสามารถดาวน์โหลดทั้ง 12 บทเรียน ในฟอรแม็ต PDF โดยปราสจากค่าใช้จ่าย