หลังจากที่คุณได้ต้อนรับพระเยซู คุณไว้วางใจในพระองค์แล้ว คุณเป็นคนที่ถูกสร้างใหม่ในสายพระเนตรของพระเจ้า เหตุการณ์นี้เปรียบได้กับการบังเกิดใหม่ ฉะนั้นตอนนี้คุณมีสัมพันธภาพใหม่กับพระเจ้า ซึ่งพระคัมภีร์เรียกว่า “เป็นผู้ชอบธรรม”
ตอนนี้คุณมีสันติภาพกับพระเจ้า
เมื่อเราถูกชำระให้ชอบธรรมโดยความเชื่อแล้ว เราจึงมีสันติภาพกับพระเจ้าทางพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา (โรม 5.1)
พระเยซูจัดการเรื่องบาปกรรมของท่านแล้ว
บรรดาผู้เผยพระวจนะก็เป็นพยานถึงพระองค์ว่า ทุกคนที่เชื่อถือในพระองค์นั้น พระเจ้าจะทรงยกความผิดบาปของพวกเขาโดยพระนามของพระองค์ (กิจการของอัครทูต 10.43)
ท่านเป็นสมาชิกในครอบครัวของพระเจ้า
แต่ทุกคนที่ยอมรับพระองค์ คือคนที่เชื่อในพระนามของพระองค์นั้น พระองค์ก็จะประทานสิทธิเป็นลูกของพระเจ้า (ยอห์น 1.12)
มีความแน่นอนในชีวิตนิรันดร
เพราะฉะนั้นไม่มีการลงโทษคนที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ (โรม 8.1)
พระเจ้าเสด็จเข้ามาในชีวิตของท่านโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์
เมื่อพวกท่านได้ยินสัจวาทะคือข่าวประเสริฐเรื่องความรอดของท่านและวางใจในพระองค์แล้ว พวกท่านก็ได้รับการประทับตราด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ตามที่ทรงสัญญาไว้ (เอเฟซัส 1.13) นี่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่แค่ไหนกัน ตอนนี้ท่านสามารถที่จะเจริญเติบโตในชีวิตฝ่ายวิญญาณของท่าน โดยมีสี่ประการที่สำคัญเป็นพิเศษดังนี้
1. การอธิษฐาน – ขอให้คุณพูดกับพระเจ้าทุกวัน
พระเจ้าทรงชื่นชมยินดี เมื่อท่านสนทนากับพระองค์ ในฐานะที่เป็นพระบิดาและเป็นมิตรสหายของท่าน พระองค์สนพระทัยในทุกเรื่องในชีวิตของท่าน ขอให้ท่านสนทนากับพระองค์เรื่องครอบครัวของท่าน เรื่องงานอาชีพของท่าน เรื่องทุกข์สุขและความปรารถนาของท่าน ขอให้ท่านขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับความเมตตากรุณาของพระองค์ และขอการให้อภัยบาป เมื่อท่านผิดพลาดอีกครั้ง พระเจ้าทรงสดับฟังคำอธิษฐานของท่านเสมอ ทรงพร้อมที่จะยกโทษให้ท่าน และอยู่เคียงข้างท่านในทุกสถานการณ์ ท่านสามารถที่จะขอการอภัยโทษจากพระองค์ทุก ๆวัน แม้แต่ลูกของพระเจ้าไม่สมบูรณ์แบบ ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงซื่อสัตย์และเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น (1 ยอห์น 1.9) ท่านจะอธิษฐานที่ไหนหรือเมื่อไหร่นั้นไม่สำคัญ แต่ถ้าท่านกำหนดเวลาและสถานที่เฉพาะเจาะจงสำหรับการอธิษฐานนั้น มันจะช่วยท่านให้สงบและสามารถฟังพระสุระเสียงของพระเจ้าได้ ในเวลาที่ท่านอธิษฐาน พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้ของดีแก่ท่าน ฉะนั้นขอให้ท่านอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ
2. พระคัมภีร์ – จงทำให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นฐานของชีวิตของท่าน
พระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้ท่านทราบถึงน้ำพระทัยของพระองค์ โดยที่พระองค์อาจใช้หลายวิถีทาง ท่านสามารถที่จะได้ยินพระสุระเสียงของพระองค์เป็นพิเศษโดยการอ่านพระคัมภีร์ โดยการอ่านพระคัมภีร์คุณจะเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่า พระลักษณะของพระเจ้าเป็นอย่างไร และแผนการที่ดีของพระองค์สำหรับชีวิตของท่านเป็นอย่างไร จงค้นดูว่าอะไรเป็นสิ่งที่พอพระทัยองค์พระผู้เป็นเจ้า (เอเฟซัส 5.10) ขอให้ท่านเริ่มอ่านพระคัมภีร์ในหมวดพระกิตติคุณ เช่นพระกิตติคุณของลูกา หลังจากนั้นท่านอาจอ่านในพระธรรมโรม ซึ่งเขียนถึงเป้าหมายและความหมายแห่งชีวิตอย่างชัดเจ่น พระวิญญาณบริสุทธิ์คงจะทรงนำท่านในการศึกษาพระวจนะ และท่านจะเข้าใจมากยิ่งขึ้น ยิ่งจะอ่านในพระคัมภีร์
3. ความสามัคคีธรรม – จงไปร่วมสามัคคีธรรมกับคริสเตียนที่สนับสนุนท่านในชีวิตแห่งความเชื่อ
พระเจ้าไม่ทรงปรารถนา ให้พวกเราดำเนินชีวิตแบบสันโดษในความเชื่อ แต่ทรงปรารถนาให้เราได้พบปะกับคริสเตียนคนอื่นๆ และสร้างความสัมพันธ์กับพวกเขาด้วยความรัก เพื่อเราจะสามารเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ฟังพระวจนะร่วมกัน ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และนำข่าวประเสริฐแห่งความรักของพระเจ้าไปถึงคนอื่น ๆ มิตรสหายของพระเจ้าต้องพึ่งซึ่งกันและกัน เหตุฉะนั้นให้ท่านหาคริสตจักรและจะพบว่า การมีสามัคคีธรรมกับคนอื่นดีอย่างไรสำหรับความเชื่อของท่าน ท่านจะชื่นชมยินดีเมื่อท่านจะสามารถใช้ความสามารถและพรสวรรค์ที่พระเจ้าประทานให้ท่านสำหรับคนอื่น ๆ พระเจ้าทรงเห็นว่า การมีความสามัคคีธรรมนั้นสำคัญมาก จึงตรัสเตือนว่า อย่าขาดการประชุมเหมือนอย่างบางคนทำเป็นนิสัย แต่จงหนุนใจกันให้มากยิ่งขึ้น เพราะพวกท่านก็รู้อยู่ว่า วันที่องค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จกลับมาใกล้เข้ามาแล้ว (ฮีบรู 10.25)
4. การรับใช้ –จงสำแดงชีวิตที่เปลี่ยนแปลงของคุณให้คนอื่นเห็น
พระยาเวห์พระเจ้าของท่านมีพระประสงค์อะไรจากท่าน? นอกจากให้ยำเกรงพระยาเวห์พระเจ้าของท่าน ให้ดำเนินตามทางทั้งสิ้นของพระองค์ ให้รักพระองค์ ให้ปรนนิบัติพระยาเวห์พระเจ้าของท่านด้วยสุดสิตสุดใจของท่าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 10.12) เป้าหมายสูงสุดของท่านควรจะเป็นการดำเนินชีวิตที่พอพระทัยพระเจ้า นอกจากนั้นท่านควรจะใช้ความสามารพิเศษของท่านในการรับใช้พระเจ้า เราเป็นฝีพระหัตถ์ของพระองค์ที่ทรงสร้างขึ้นในพระเยซูคริสต์เพื่อให้ทำการดี (เอเฟซัส 2.10) ขอให้ท่านพร้อมที่จะเล่าให้คนอื่นฟังว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงได้กระทำอะไรในชีวิตของท่าน นี่ไม่ได้เป็นหน้าที่สำหรับพวกเราที่เชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่เป็นประสบการณ์ที่ทำให้เรามีความชื่นชมยินดี แต่พวกท่านเป็นพงพันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืดเข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์ (1 เปโตร 2.9)
ท่านสามารถดาวน์โหลดทั้ง 12 บทเรียน ในฟอรแม็ต PDF โดยปราสจากค่าใช้จ่าย